ทำไมการเกิดขึ้นของ @unichain ถึงเป็นเเรื่องน่าตื่นเต้น
และเป็นหมือนจิ๊กซอตัวสำคัญที่ช่วยเติมเต็มแผนในการสร้าง Interop (การทำงานร่วมกันระหว่างเชน) ของ @optimism  Superchain ให้ใกล้ความจริงมากขึ้น
ด้วย ERC7683 ที่มี @uniswap และ @acrossprotocol ร่วมกัน
ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันได้เลย

The largest onchain marketplace. Buy and sell crypto on Ethereum and 10+ other chains.

/across interoperability, powered by intents ✨ https://across.to

The L2 designed for DeFi. By Uniswap. Built on the Superchain. ✨

Part-time creative Full-time Optimist 🔴✨ 
Let's Spread the Optimistic 🔴✨ Power

Recap สำหรับคนที่ยังไม่คุ้นกับ "Interop"
ซึ่งในที่นี่หมายถึงการทำงานร่วมกันระหว่างเชน
เพื่อแก้ปัญหาของ Liquidity ที่กระจัดกระจายตามเชนต่างๆ
ยิ่งสำหรับนักล่าแอร์ดร็อปยิ่งแล้วใหญ่ ต้องหั่นทุนที่มีเหลือบางเท่าแผ่นกระดาษไปยังเชนต่างๆ "🤬แกทำให้ชั้นดูจนนนน"

Intent คืออะไร?
Intent คือ เจตนาหรือความตั้งใจ
อธิบายให้ลึกขึ้นก็คือการออกแบบการทำงานโดยยึดความตั้งใจเป็นหลัก(ผลลัพธ์)

ตย การทำ Tx ปัจจุบัน
นาย A อยากซื้อ NFT บน OP ด้วย Asset บน Base

แอป(สมมุต)
บอกให้นาย A สลับเชน >Base
>Swap Asset to ETH
>Wrap
>ส่งไป OP
>สลับเชน
>ซื้อ NFT บน OP
แอปที่ดีก็จะหารูทที่ถูกที่สุดให้

Tx แบบ Intent-Based 

ลองใช้ ตย เดียวกัน
นาย A อยากซื้อ NFT บน OP ด้วยเงินบน Base

A ส่ง Intent ว่าอยากได้ NFT บน OP พร้อมเงินบน Base
นาย Solver*(ตัวละครใหม่) บอกว่าเดี๋ยวจัดให้
รับเงินบน OP แล้วส่ง NFT บน Base ให้

*มีอธิบายถัดไป

ทำไม Intent-Based ถึงตอบโจทย์แต่ละด้านที่พูดมา
- จริงๆ แล้ว User เวลาส่งเงิน
เขาไม่สนใจวิธีการหรอกว่า เงินจะรูทติ้งแบบไหนเพื่อให้ถึงปลายทาง เราสนแค่ เงินถึงเมื่อไหร่ ไม่ขาดทุนใช่มั้ย

การ Interop ระหว่างเชนจึงไม่ใช่แค่การส่งข้อมูลไปมาแบบ TCP/IP 
(เหมือนอินเตอร์เน็ตที่คอมแต่ละเครื่องส่ง Msg หากัน)

แต่ ERC7683 เสนอการทำงาน/บริดจ์
โดยมี Third Party ที่เรียกว่า Solvers
มาช่วยจัดการและออกเงินให้ก่อน
ทำให้ไวขึ้น ประหยัดขึ้นมาก
ทำเสร็จรอรับเงินคืนทีหลัง พร้อม Fee

✨TLDR : Intent-Based Architectures
➡️Across (settlement layer สำหรับ intents)
สามารถสเกลการโอนได้ 1 พันล้าน$ ต่อวัน
โดยใช้การส่งข้อความน้อยกว่า 150 msg ต่อวัน

➡️ซึ่งแบบที่ไม่ใช้ intent อาจต้องส่งมากถึง 10ล้าน msg
ซึ่งแพงกว่ามาก

Intent-Based Architectures
@acrossprotocol 
 มองเป็นเค้ก 3 ชั้น
- Intent Layer = User บอก Intent หรือสิ่งที่อยากทำ
- Solver Layer = Third Party จะใช้เงินตัวเองมาปิดจ๊อป Intent จต่างๆที่ส่งเข้ามา
- Settlement Layer = จ่ายเงินคืน Solver เมื่อ Intent ถูกพิสูจน์ว่าสำเร็จ

ข้อดีของ Intent
1.ลดภาระเรื่องเวลาการทำ Finality โดยมี Settlement Layer ในส่วนนี้มารับผิดชอบแทน ทำให้เร็วขึ้น+ถูกลง
2. Intent-Based Architectures ปลอดภัยกว่าที่คิด
โดยแบ่ง Intent เป็น 2 Part
-Urgent สำหรับ Intent ที่ User ต้องการด่วน
-Complex คือความปลอดภัยในการสื่อสารระหว่างเชน Messaging Part
สามารถเลือก Verify Intent ด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งแต่ละวิธีจะมีเวลาช้าเร็วต่างกัน และระดับความปลอดภัยต่างกัน
-Canonical Bridge 
-ZK Proofs 
-Optimistic System

3. ข้อดีที่น่าสนใจที่สุดคือ Intent จะถูกมากจากการทำ
- Batch Verification of intent fulfillment
จากเดิมที่ต้องส่ง Crosschain Msg เป็นล้านๆ  Msg
จะถูกรวบจนเหลือไม่กี่ msg ส่งพร้อมกัน
- Optimistic verification of Intent (ถูกและปลอดภัย)
อาจถูกกว่าส่ง USDC บน CCTP bridge ด้วยซ้ำ

ถึงแม้ Intent จะไม่ใช่เรื่องใหม่
และมีคนทำ Crosschain Messaging เก่งๆ มากมายหลายเจ้า เช่น Connext แต่สิ่งที่ทำให้ตื่นเต้นสำหรับ Superchain คือการได้ทีมที่จริงจังมาเข้าทำโปรดักต์ดีๆ
และยังมาเข้าร่วมเป็น Core Developer ให้กับ Superchain
และต้องบอกว่า Superchain จะไม่โตเร็วเท่านี้เลย
ถ้าไม่ใช่เพราะความเป็น Opensources และการมี Core Developer ที่เก่งที่สามารถแบ่งงานกันสิ่งที่ตัวเองสนใจได้อย่างรวดเร็ว
- OP labs ทำ Infra
- Base ทำ Smart Wallet

ยังมีเรื่อง Interop และ ERC7683 อีกหลายมุมที่อยากหยิบมาเล่า

สำหรับคนที่สนใจทุกเรื่องเกี่ยวกับ 
@optimism และ Superchain ฝากติดตามด้วยนะครับ
สามารถตามอ่านงานเก่าๆ ได้ที่

ยังมีเรื่อง Interop และ ERC7683 อีกหลายมุมที่อยากหยิบมาเล่า

สำหรับคนที่สนใจทุกเรื่องเกี่ยวกับ 
@optimism และ Superchain ฝากติดตามด้วยนะครับ
สามารถตามอ่านงานเก่าๆ ได้ที่
https://mirror.xyz/thesleeper.eth

สิ่งสำคัญที่เป็นปัญหาอีกเรื่องคือ UX
การสลับเชนไปมา การหาบริดจ์ที่รองรับ หาพูลที่มี Liquidity ในแต่ละเชน ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ TradFi

การดึงผู้ใช้กลุ่มใหม่ๆ จึงต้องคิดมุมใหม่
และให้ความสำคัญกับทั้งผลลัพธ์และประสบการณ์การใช้เท่าๆ กันด้วยสิ่งที่เรียกว่า ➡️"Intent"⬅️